5 วิธีดูแลต้นโมกใบเหลือง ใบร่วง ให้กลับมาเขียวขจีแบบง่ายๆ

ต้นโมกใบเหลือง ใบร่วง แก้ได้ง่ายๆ! ให้กลับมาเขียวขจี ด้วย 5 วิธีดูแลต้นโมก ด้วยเคล็ดลับการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย กำจัดแมลง ที่ได้ผลจริง อ่านเลย!

Reading Time: 1 min.

ต้นโมกใบเหลือง

“ต้นโมก” เป็นไม้ประดับที่ได้รับความนิยมมากอันดับต้นๆรองจาก “ต้นไทรเกาหลี” ที่มักนิยมนำมาปลูกทำ “รั้วต้นไม้” ตามบ้านจัดสรร โรงแรม รีสอร์ท บริษัทฯ เพื่อพรางสายตา แถมได้ความร่มรื่น และมีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ จากดอกโมกอีกด้วย

ต้นโมกใบเขียว

ต้นโมกสายพันธุ์อะไรเหมาะกับบ้านพักอาศัย?

หากคุณกำลังเริ่มต้น และจะปลูกต้นโมก สิ่งที่เป็นคำถามอยู่ในหัวคือ จะปลูกต้นโมกสายพันธุ์อะไรดี (หรือแม้กระทั่ง ระหว่างต้นโมกกับต้นไม้อื่นอย่างไทรเกาหลี ต้นคริสติน่า ควรปลูกอะไรดี) ถึงจะเหมาะกับที่พักอาศัย และนี่คือ 4 สายพันธุ์ต้นโมก ที่นิยมปลูกในประเทศไทย

  1. ต้นโมกป่า (Wrightia tomentosa) มีลำต้นขนาดเล็กถึงกลาง เป็นไม้ผลัดใบ ใบรี มีขนนุ่ม ดอกสีขาวอมเหลือง กลิ่นหอมอ่อนๆ ค่อนข้างทนต่ออากาศร้อน และแห้งได้ดี
  2. โมกแคระ (Wrightia tinctoria) ใบเล็กยาว สีเขียวเข้ม มีขนอ่อนบนใบ ดอกสีขาวอ่อน มีกลิ่นหอมเล็กน้อย ด้วยขนาดต้นที่เล็ก จึงไม่เหมาะที่จะเป็นรั้วต้นไม้ เหมาะปลูกเป็นไม้ประดับ
  3. โมกมัน (Wrightia pubescens) ใบเล็ก สีเขียวเข้ม มีขนอ่อนบนใบ ดอกขนาดใหญ่ กลิ่นหอมสดชื่น นิยมปลูกตกแต่งสวน
  4. โมกซ้อน เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ ใบรีคล้ายรูปใบหอก ออกดอกเป็นช่อสีขาว กลิ่นหอมเย็น สดชื่น แตกกิ่งต่ำ ใบเล็กกว่าต้นโมกป่า จึงนิยมปลูกตามที่พักอาศัยมากที่สุด
ต้นโมกซ้อน

สาเหตุต้นโมกใบเหลืองเกิดจากอะไร?

ต้นโมกใบเหลือง เป็นปัญหาที่คนรักต้นไม้ต้องเจอ แม้ “ต้นโมก” จะเป็นไม้ประดับที่มีดอกหอมและสวยงาม แต่เมื่อใบเริ่มเหลืองและร่วง ก็ทำให้เสียความสวยงามไปมาก โดยเฉพาะกลางลำต้น ใบจะบางเหลือแต่กิ่ง ซึ่งไม่ช่วยเรื่องการพลางสายตาได้เลย

วิธีแก้ไขต้นโมกใบเหลือง

ดังนั้น ก่อนแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด จึงต้องเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการใบเหลือง ใบร่วง เสียก่อน โดยมีสาเหตุหลักๆ มีดังนี้

1. การรดน้ำไม่ถูกต้องทำให้ต้นโมกใบเหลือง

  • รดน้ำคราวละมากเกินไป ทำให้ดินแน่น ขาดอากาศ ส่งผลให้รากเน่า และดูดซับธาตุอาหารไม่ได้
  • ส่วนการรดน้ำน้อยเกินไป ทำให้ดินแห้ง ขาดความชื้นที่เหมาะสม ทำให้ต้นโมกขาดน้ำ จึงทำให้ใบเหลืองแห้ง

2. ได้รับแสงแดดไม่เหมาะสม

  • หากได้รับแสงน้อยเกินไป ระบบการสังเคราะห์แสงไม่สมบูรณ์ ใบจะเหลือง ร่วง
  • หรือถ้ามีแสงแดดจัดเป็นเวลานานเกินไป อาจทำให้ใบไหม้ และเหลือง (ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นน้อย เนื่องจากการปลูกตามบ้านพักอาศัย ส่วนใหญ่ได้รับแสงเพียงครึ่งวันเท่านั้น)

3. ขาดธาตุอาหารที่จำเป็น

  • ดินขาดธาตุอาหาร เนื่องจากไม่ได้ใส่ปุ๋ยเป็นเวลานาน
  • หรือลักษณะของดินที่เพาะปลูก เป็นดินเหนียว ไม่มีอินทรีย์วัตถุ ระบายน้ำได้ไม่ดี และดินแห้งหรือแฉะไป เป็นต้น

4. โดนศัตรูพืช และโรคพืชระบาด

  • โดนเพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง หรือแมลงศัตรูพืชอื่นๆ
  • เกิดเชื้อรา หรือแบคทีเรีย ที่ทำลายระบบราก และใบของต้นโมก

5. เกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมอื่นๆ

  • ที่พบบ่อยๆ ได้แก่มีการใช้ยาฆ่าหญ้าที่เป็นสารเคมี ในพื้นที่ใกล้ๆ
  • เทสารเคมี ผงซักฟอก น้ำมัน ลงบนพื้นดินใกล้ต้นโมก
  • การปลูกต้นโมกลงไม่ลึก และไม่ได้ติดไม้ค้ำยัน ทำให้ต้นโมกโยก เอียง เวลามีลมแรง เป็นต้น
ใบรีคล้ายรูปหอก

5 วิธีแก้ปัญหาต้นโมกใบเหลือง ให้เขียวขจีอีกครั้ง

เมื่อเข้าใจต้นเหตุที่ทำให้ต้นไม้ใบเหลืองอย่างแท้จริงแล้ว ต่อไปนี้คือวิธีการแก้ปัญหา เพื่อให้ต้นโมกกลับมามีใบเขียวขจี

1. ปรับการรดน้ำให้ถูกต้อง

  • ระวัง อย่ารดน้ำจนแฉะ ให้รดน้ำแค่วันละครั้งพอ รดแค่พอดินชื้น (กรณีฤดูร้อน รดเช้า-เย็นได้)
  • ส่วนหน้าฝน หลังฝนหยุดตก ทิ้งช่วง 2 วัน แล้วค่อยกลับมารดน้ำตามปกติ

2. จัดแสงแดดให้เหมาะสม

ต้นโมกเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดด ควรได้รับแสงอย่างน้อยครึ่งวัน เพราะหากได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ จะทำให้ใบเหลือง ร่วงได้

3. เติมธาตุอาหาร หรือปุ๋ยที่เหมาะสม

การให้ปุ๋ยหรือธาตุอาหารพืช ชนิดต่างๆ โดยมีปริมาณ และความถี่ ดังนี้

  • ปุ๋ยเคมี แนะนำให้ใช้สูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 ให้ผสมน้ำ 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 ลิตร ราดลงพื้น 1-2 เดือน/ครั้ง (ข้อควรระวัง อย่าใส่ปุ๋ยมากเกินไป เพราะอาจทำให้รากไหม้ และ ต้นโมกใบเหลืองหนักขึ้น)
  • ปุ๋ยอินทรีย์ อาทิ ปุ๋ยหมักมูลไก่ มูลวัว มูลไส้เดือน ใส่รอบๆต้นๆละ 2 กำมือ โดยใส่เดือนละ 1 ครั้ง

4. ตัดแต่งและดูแลรักษาอย่างถูกต้อง

แนะนำให้ตัดแต่งกิ่ง และใบ โดยรอบ ทุกๆ 2 เดือน เพื่อให้แตกใบใหม่ และมีใบแน่นขึ้น

5. กำจัดศัตรูพืชอย่างมีประสิทธิภาพ

หมั่นสังเกตุที่ใบ โดยเฉพาะใต้ใบ ว่ามีศัตรูพืช เช่น เพลี้ยระบาดหรือไม่ เพื่อจะได้รีบกำจัดศัตรูพืชได้ทันท่วงที (ควรหลีกเลี่ยงการกำจัดศัตรูพืชจากสารเคมี เพราะอาจส่งผลอันตรายต่อฉีดพ่น ผู้อาศัย และสัตว์เลี้ยง)

วิธีดูแลต้นโมก

เคล็ดลับการดูแลต้นโมกให้เขียวขจีง่ายๆ แบบเร่งด่วน ปลอดภัย

หากพบว่าต้นโมกมีใบเหลือง ใบร่วง ใบบางโดยเฉพาะกลางๆลำต้น แนะนำให้ใช้จุลินทรีย์ธาตุอาหารพืช และจุลินทรีย์กำจัดเพลี้ยและเชื้อรา ของอีเรฟ ที่ปลอดภัย ไร้สารเคมี ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยง โดยผสมน้ำฉีดพ่นให้ชุ่ม ทั่วลำต้น กิ่งใบ (ตามคู่มือ) จะพบว่าภายใน 2 สัปดาห์ ต้นโมกจะกลับมามีใบเขียวแน่นอีกครั้ง

ด้วยผลิตภัณฑ์อีเรฟ เป็นกลุ่มจุลินทรีย์บริสุทธิ์เข้มข้นหลากหลายสายพันธุ์ ที่มีธาตุอาหารครบ เมื่อฉีดพ่นที่ใบ พืชจึงสามารถนำไปใช้งานได้ทันที จึงไม่แปลกที่ผู้ใช้จะเห็นว่าต้นไม้กลับมามีชีวิตชีวาอย่างจัดเจน

รีวิวสินค้าฉีดพ่นต้นโมก

ส่วนจุลินทรีย์กำจัดเพลี้ยและเชื้อรา นั้นได้จากเอ็นโดรสปอร์กลุ่มที่เป็นปฏิปักษ์ต่อศัตรูพืช เมื่อศัตรูพืชสัมผัส ระบบดูดอาหารและระบบสืบพันธุ์จะถูกทำลาย และตายในที่สุด จึงเป็นการแก้ปัญหาและฟื้นฟูต้นไม้ให้กลับมาเขียวแน่นอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ

ซึ่งใช้ได้ดีกับต้นไม้ พืช ผัก ทุกชนิด ที่มีปัญหาใบเหลือง ใบร่วง ใบโกร๋น เช่น ต้นล่ำซำ ต้นไทรเกาหลี ต้นกุหลาบ ต้นแก้วเจ้าจอม เป็นต้น

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือดูข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้

Related posts

ต้นล่ำซำใบร่วง

ต้นล่ำซำใบร่วง ใบเหลือง แต่กลับมาเขียวขจีได้ง่ายๆ เพราะ 2 สิ่งนี้

Reading Time: 0 min.

ตอนแรกที่ปลูกต้นล่ำซำนั้น ไม่ได้คิดว่ามันจะยุ่งยาก เห็นว่าเป็นต้นไม้มงคล ปลูกเสริมดวง แต่เอาเข้าจริง ชีวิตผมเกือบจะ “ไม่ล่ำซำ” ซะแล้ว เพราะต้นล่ำใบร่วง ใบเหลือง หลังปลูกได้ 2 เดือน

อ่านเพิ่มเติม
แก้วเจ้าจอมใบเหลือง

7 เคล็ดลับ ดูแลต้นแก้วเจ้าจอมใบเหลือง ร่วง ให้กลับมาแตกยอด ออกดอก

Reading Time: 1 min.

ต้นแก้วเจ้าจอมใบเหลือง ร่วง ไม่ใช่จุดจบ! ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยความเข้าใจ และการดูแลที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เขาออกดอกตลอดปีได้เลย

อ่านเพิ่มเติม
ต้นไทรเกาหลีใบเหลือง

3 วิธีแก้ไขเมื่อต้นไทรเกาหลีใบเหลือง ใบไหม้ ใบร่วง จากเพลี้ยไฟ เชื้อรา

Reading Time: 1 min.

ปัญหาต้นไทรเกาหลีใบเหลือง ใบร่วง ใบไหม้ สามารถแก้ไขได้! ถ้ารู้ 3 วิธีง่ายๆ จัดการกับศัตรูพืช เพลี้ยไฟ และเชื้อราที่ทำให้ต้นไม้ของคุณไม่สวยงามอีกต่อไป

อ่านเพิ่มเติม